วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เขียนโดย Unknown ที่ 02:48 0 ความคิดเห็น

Learning Log 1

       Today is 6 July 2016. I learned about how to make blog and change templates. I learned about the acronyms that are...
       
         ESOL >> English for Speakers of  Other language.
         TESOL >>Teaching English to Speakers of Other Languages.
         PDF >> Portable Document Format (Adobe Acrobat)
         ESL >> English as a second languages.
         ELL >> English as a Second languages.
         EFL >> English as a Foreign languages.
         ELT >> English language Teaching.

   After that I learned about the role of teacher in using technology...

        >Organizer
        >Instructional
        >Material resource
        >Instructional guide
        >Facilitator

   In class they discussed  about Asynchronous and Synchronous.

       Asynchronous                              Synchronous
      >Email                                           >Text chat
      >Message Boards                        >Audio Telephony
      >wikis                                             >MUDs,MOOs,WOOs
      >Blogs                                           >Video/teleconferencing

       Asynchronous  Tools

       Asynchronous tools enable communication and collaboration over period of time through a "different time - different place" mode.

      Synchronous  Tools
     
    Synchronous  Tools enable real-time communication and collaboration in a "same time - different place" mode.







เขียนโดย Unknown ที่ 02:07 0 ความคิดเห็น

Learning Log 2

Today is 12 July 2016. I learned about how to add a widget to my blog. I learned to add clock,calendar,counter,and video about tense and grammar in my blog for the audience take benefits about the grammar. After that my teacher taught me about how to link my friends from my blog. Finally I add my work, I learned saving my work and sharing them to my blog.

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เขียนโดย Unknown ที่ 19:49 0 ความคิดเห็น
My Self

>>>My name is Thamon Thongsen. 
>>>My nick name is Dream. 
>>>I was born 27 Febuary 1995. 
>>>Now I am 21 year old. 
>>>I am studying in English Major in Education          at Nakhon Si Thammarat Rajabhat                          University. 
>>>Now, I live in Number. 8 , 6 Village No. ,        Kahraw Sub-district , Noppitam  District ,      Nakhon Si Thammarat Province. 
>>>I like English because it is fun!! 






Homework1

เขียนโดย Unknown ที่ 19:26 0 ความคิดเห็น


The Abbreviation


IT (Information Technology) 
ไอทีหมายถึงอะไรเป็นคำถามที่หลายๆคนต้องการส่งคำตอบว่าไอทีคืออะไรความหมายของไอทีนั้นรวมมาจากคำว่าเทคโนโลยีกับสารสนเทศกลายเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งสามารถแปลได้ว่า IT เป็นชื่อมาจากภาษาอังกฤษซึ่งระบบไอทีนั้นสามารถช่วยเหลืองานให้มีประโยชน์ได้ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านงานเอกชน และภาครัฐและร้านค้าทั่วๆไปก็ได้มีการนำไอทีเข้ามาเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันซึ่งรายละเอียดของไอทีนั้นหมายถึงอะไรอย่างไรบ้างเราจะมาดูกัน
ไอที หมายถึงอะไร
เทคโนโลยีนั้นหมายถึงว่ามีการประยุกต์นำเอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ทั้งเรื่องความเป็นจริงมาให้ประโยชน์ต่อมวลมนุษย์และสารสนเทศหมายถึงว่า ข้อมูลต่างๆที่นำมาดำเนินชีวิตของมนุษย์ซึ่งเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

ไอทีหมายถึง การนำเทคโนโลยีและสารสนเทศมารวมกัน รวมเป็น เทคโนโลยีสารสนเทศ "Information Technology" ย่อมากจาก IT ซึ่งแปลความหมายของเทคโนโลยีคือการสร้างมูลค่าให้กับสารสนเทศให้สามารถใช้งานได้กว้างขวางและเทคโนโลยีด้านต่างๆในปัจจุบันก็มีการนำไอทีมาใช้ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีแบบรวบรวม จัดเก็บ ส่งต่อ ใช้งาน และสื่อสารซึ่งข้อมูลของไอทีที่มีการนำมาใช้นั้นได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆที่มีซอฟแวร์เกี่ยวกับกับตัวข้อมูลต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลจำพวก โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร วิทยุ และหนังสือพิมพ์ และอาจจะเป็นอย่างอื่นๆอีกที่มีทั่วไปภายในชีวิตประจำวัน

ในปัจจุบันนั้นได้กล่าวถึงว่าในยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคแห่ง IT ซึ่งคนไทยทุกเพศ ทุกวัยไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุนั้นมีการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศหรือเรียกว่า IT และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ต่างๆ ซึ่งถ้าหากว่าเราใช้ประโยชน์จากมันเราจะได้ความรู้ที่มีมากมายภายในโลกของ IT แต่ทว่าใน IT นั้นก็มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีถ้าหากว่าเรารู้จักแยกแยะในเรื่องบางเรื่องเราจะสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดซึ่ง

ถ้าหากว่ามีผู้เล่นที่อยู่ในวัยเด็กนั้นต้องคอยมีผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำต่างๆแก่เด็กเพราะว่าเทคโนโลยีเหล่านี้อาจจะสร้างอันตรายแก่เด็กได้อันเนื่องมาจากข้อมูลที่เป็นข้อบิดเบือนหรือว่าข้อมูลที่มีอยู่ในแบบของผู้ใหญ่ซึ่งควรอยู่ในการดูแลของผู้ปกครอง และสำหรับในวัยคนชรานั้นอาจจะมีปัญหาในการรับข้อมูลข่าวสารที่ผิดทำให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่โดยที่ไม่มีการกรองข่าวสาร




ICT (Information Communication Technology) หมายถึง การติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารโดยใช้เทคโนโลยี I (Information) หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ต่างๆ ที่บันทึกเป็นระบบเพื่อนำมาใช้งาน C (Communication) หมายถึง การติดต่อสื่อสาร T (Technology) หมายถึง คอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม ความหมายโดยรวม ของ ICTก็คือ เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ การสื่อสาร เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ ซึ่งรวมไปถึงการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล โดยความเป็นจริงแล้ว ครูเราใช้ ICT จัดการเรียนการสอนมานานแล้ว เพียงแต่ยังใช้รูปแบบเดิม ซึ่งหากมีการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ ซึ่งรวมไปถึงการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล จะทำให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักเรียนสามารถค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งความรู้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ความจำเป็นที่ต้องมีการนำ เทคโนโลยีสารสนเทศมา ใช้ในธุรกิจ องค์กรธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ต่างจากองค์กรธุรกิจแบบเดิม เหตุผลต่างๆที่จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในธุรกิจ



CAI (Computer Assisted Instruction หรือ Computer Aided Instrucion) 
เป็นโปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนครู ทำหน้าที่เป็นสื่อการเรียน
บทเรียนสามารถโต้ตอบกับผู้เรียนได้ ประกอบด้วย ตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง (Multimedia) ทำให้ผู้เรียนสนุกไปกับการเรียนไม่รู้สึกเบื่อหน่าย การสร้างบทเรียนแบบนี้อาศัยแนวคิดจากทฤษฎีการเชื่อมโยงสิ่งเร้ากับการตอบสนอง โดยการออกแบบโปรแกรมจะเริ่มต้นจากการให้สิ่งเร้าแก่ผู้เรียน ประเมินการตอบสนองของผู้เรียน ให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อเสริมแรงและให้ผู้เรียนเลือกสิ่งเร้าอันดับต่อไป  (สมรัก ปริยะวาที, 2544)       คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือโปรแกรมช่วยสอน คือสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอนอันหนึ่ง CAI คล้ายกับสื่อการสอนอื่นๆ เช่น วิดีโอช่วนสอน บัตรคำช่วยสอน โปสเตอร์ แต่คอมพิวเตอร์ช่วย-สอนจะดีกว่าตรงที่ตัวสื่อการสอน คือ คอมพิวเตอร์สามารถโต้ตอบกับนักเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับคำสั่งเพื่อมาปฏิบัติ ตอบคำถามหรือไม่เช่นนั้น คอมพิวเตอร์ก็จะเป็นฝ่ายป้อนคำถาม         (พัฒนา เอกบูรณวัฒน์, 2539)
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI : Computer Assisted Instruction) หมายถึง การประยุกต์นำ
คอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียนการสอน โดยมีการพัฒนาโปรแกรมขึ้นเพื่อนำเสนอเนื้อหาในรูป-แบบต่างๆ เช่น การเสนอแบบติวเตอร์ (Intorail) แบบจำลองสถานการณ์ (Simlation) หรือแบบการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) เป็นต้น การเสนอเนื้อหาเป็นการเสนอโดยตรงไปยังผู้เรียนผ่านทางจอภาพ หรือแป้นพิมพ์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม วัสดุทางการสอนคือ โปรแกรมหรือ Coursware ซึ่งปกติจะถูกเก็บไว้ในแผ่นดิสก์หรือหน่วยความจำของเครื่อง พร้อมที่จะเรียกใช้ได้ตลอดเวลา การเรียนในลักษณะนี้ ในบางครั้งผู้เรียนจะต้องโต้ตอบ หรือตอบคำถามเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยการพิมพ์ การตอบคำถามจะถูกประเมินโดยคอมพิวเตอร์ และจะเสนอแนะขั้นตอนหรือระดับในการเรียนขั้นต่อไป กระบวนการเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เรียน
กับคอมพิวเตอร์ (ศิริชัย สงวนแก้ว, 2534)
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI คือ การนำคอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือสร้างให้เป็น
โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อให้ผู้เรียนนำไปเรียนด้วยตนเองและเกิดการเรียนรู้ ในโปรแกรมประกอบไปด้วย เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัด แบบทดสอบ ลักษณะของการนำเสนอ อาจมีทั้งตัวหนังสือภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สี หรือ เสียง เพื่อดึงดูดให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง    การแสดงผลการเรียนให้ทราบทันทีด้วยข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่ผู้เรียน และยังมีการจัดลำดับ วิธีการสอนหรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละคน ทั้งนี้ต้องมีการวางแผนในการผลิตอย่างเป็นระบบในการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบที่แตกต่างกัน       (ศิริชัย นามบุรี, 2546)
               คอมพิวเตอร์ช่วยการสอน (CAI) คือ การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเสริม เพื่อช่วยเพิ่ม
ประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น การใช้คอมพิวเตอร์เสริมการสอนนี้สามารถใช้ประกอบขณะที่ผู้สอนทำการสอนเอง หรือการใช้สอนแทนผู้สอนทั้งหมดก็ได้
การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนขณะที่ผู้สอนทำการสอนเอง เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ช่วย-สอนขณะที่ผู้สอนทำการสอนซึ่งแบ่งเป็น การใช้แทรกในกระบวนการสอน คือ ใช้ประกอบขณะดำเนินการสอนและใช้ช่วยเสริมก่อนหรือภายหลังการสอน เช่น เป็นการซ่อมเสริมหรือทบทวน เป็นต้น
                ส่วนการใช้คอมพิวเตอร์แทนผู้สอน เป็นการใช้คอมพิวเตอร์นำเสนอบทเรียน หรือเนื้อหาสาระต่างๆ แทนครูผู้สอน จะต้องพัฒนาในรูปของบทเรียนสำเร็จรูป ซึ่งสามารถจะใช้เรียนเมื่อใด
ที่ใดก็ได้ การใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะนี้ น่าจะเป็นทางเลือกในการจัดการศึกษาในอนาคต ซึ่งมุ่งการศึกษาในฐานะของการเรียนรู้เป็นหลัก ดังนั้นการให้ความสนใจในการพัฒนาการใช้คอมพิวเตอร์สอนแทนผู้สอนของการเรียนรู้เป็นหลัก ดังนั้น การให้ความสนใจในการพัฒนาการใช้คอมพิวเตอร์สอนแทนผู้สอนซึ่งเป็นแนวทางที่สมควรให้ความสนใจ และรับการสนับสนุนในการศึกษาพัฒนาอย่างยิ่ง (ไพโรจน์ ตีรณธนากุล, ไพบูลย์ เกียรติโกมล และเสกสรรค์ แย้มพินิจ, 2546)
จากความดังกล่าว สามารถสรุปความหมายของ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือ CAI
(Computer Assisted Instruction) การนำคอมพิวเตอร์เพื่อมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน
 ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้เพื่อให้ผู้เรียนนำไปเรียนรู้ด้วยตนเองให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น ในโปรแกรมจะใช้ลักษณะในการนำเสนอหลากหลาย อาจมีทั้งตัวหนังสือ ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สี และ เสียง เพื่อทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น และโปรแกรมจะประกอบไปด้วย เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัด แบบทดสอบ เกมส์ การแสดงผลการเรียนด้วยข้อมูล
ย้อนกลับแก่ผู้เรียน อันทั้งยังมีการจัดลำดับวิธีการสอนหรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เหมาะสม
แก่ผู้เรียนอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้จากแผนภูมิการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนของผู้สอน ดังรูปที่ 2.1 (ไพโรจน์ ตีรณธนากุล, ไพบูลย์ เกียรติโกมล และเสกสรรค์ แย้มพินิจ, 2546)


CALL (Computer Assisted Language Learning)

บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนภาษา

     โปรแกรมช่วยเรียนภาษาโดยเฉพาะ ใช้ได้ทั้งกับการเรียนในห้องเรียน โดยมีผู้สอนเป็นผู้ควบคุมดูแลกระบวนการเรียนและการให้ผู้เรียนเรียนจากโปรแกรมด้วยตนเองที่ศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-access learning center) หรือที่ศูนย์คอมพิวเตอร์และสำหรับสถานศึกษาทีมีความพร้อมก็อาจมอบแผ่นโปรแกรมให้ผู้เรียนนำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์นอกสถานศึกษาโดยผ่านโมเด็มและสายโทรศัพท์
   
       ที่มา :  http://www.ict4lt.org/en/warschauer.htm


Computer Mediated Communication (CMC)
เทคโนโลยีต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันคือบทบาททางการสื่อสาร Computer Mediated Communication (CMC) หรือการสื่อสารโต้ตอบปฎิสัมพันธ์ระหว่างคนกับเทคโนโลยี หรือการสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ ซี่งวิกิพีเดียให้ความหมายว่า เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคล โดยผ่านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองตัวขึ้นไป ผ่าน network หรือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเริ่มจากการติดต่อในลักษณะของตัวอักษรเป็นหลักในรูปแบบต่างๆ เช่น Instant Messages, E-mail, Chatroom
กาญจนา กาญจนสุต ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และการบริหารสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซียกล่าวถึง Computer-Mediated Communication Systems (CMC) ว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม, Electronic Mail ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์, หรือ Voice-Mail, Intranet and Internet จากการสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ที่เริ่มต้นด้วยตัวอักษรจนกระทั่งพัฒนาเป็นการสื่อสาร ที่มีการแลกเปลี่ยน รูปภาพ เสียงเพลง วีดีโอ โปรแกรม โค้ด เป็นต้น
การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้นจนเกิดเป็นสังคมออนไลน์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Social Networking) ทำให้เกิด webware ประเภท social networking มากมาย ซึ่งเป็น software ที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในยุคที่ให้เวลากับการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้นสำหรับเป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว บทความ รูปภาพ ผลงาน แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความสนใจร่วมกัน และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงเป็นแหล่งข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งหลาย สามารถช่วยกันสร้างเนื้อหาได้ตามความสนใจ ของแต่ละบุคคล Social Networking ประกอบด้วยเทคโนโลยีต่างๆเข้าด้วยกัน เช่น AJAX สำหรับสร้าง userface ที่ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นบนเว็บFlash ที่เน้น Interactive สื่อสารระหว่างกัน
Blog ที่ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสร้างเนื้อหาFeed ที่ช่วยในการติดตามข่าวสารข้อมูลความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ต่างๆ
เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่ง personal on demand ที่ใครก็สามารถสร้างเนื้อหา ควบคุม กำหนดทิศทางได้ แม้แต่นิตยสาร Time ยังยกย่องให้คุณ (ํYou) เป็นบุคคลแห่งปี 2006 และด้วยความต้องการที่หลากหลายแยกย่อยรวมไปถึงใครต่อใครก็อยาก Share ส่ิงต่างๆระหว่างกัน และการเล็งเห็นช่องทางทำกำไรและเม็ดเงินจากการโฆษณาทำให้ Social Networking เป็นที่จับตาอย่างมาก ก่อให้เกิด Social Networking เพื่อสร้างสังคมเครือข่ายในเรื่องที่สนใจตามความต้องการหลากหลาย เช่น
-Publishing: บล็อกและเว็บ content เช่น Blogger, WordPress, Bloggang, Exteen, TypePad เป็นต้นซึ่งในแต่ละบล็ิอกยังแยกย่อยเนื้อหาเป็นหมวดหมู่ต่างๆตามสนใจ
-Community: สร้างเครือข่ายสังคมเพื่อนเก่าหาเพื่อนใหม่ ส่งข้อความ รูปภาพ แลกเปลี่ยน แสดงความคิดเห็นความสนใจร่วมกัน เช่น Facebook, Hi5, Myspace, Friendster เป็นต้น
-Media: เมื่อสื่อไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ ทีวี วิทยุ ที่มีคนสร้างให้เท่านั้น ยุคนี้ใครก็เป็นเจ้าของสถานีได้ ตัวอย่างเว็บที่น่าสนใจที่นำเสนอวิดีโอ ภาพยนตร์ เพลง เช่น Youtube, Ustream.tv, Yahoo Video, Duocore.tv, Dailymotion, Thaitube.in.th, Veoh, Netflix, Imeem, Last.fm, Ijigg เป็นต้น
-Photo Management: เว็บฝากรูปออนไลน์ช่วยให้คุณจัดการภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล โดยไม่ต้องเปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวและยังสามารถแชร์รูปภาพ หรือจะเปิดขายภาพเลยก็ได้ เช่น Photobucket, Flickr, Zooomr, Photoshop Express, Glowfoto, Shutterfly เป็นต้น
-Business/Commerce: เพื่อธุรกิจซื้อ-ขาย ประมูลสินค้า ออนไลน์ เช่น Amazon, eBay, Officelive, PayPal, Linkedin, Pramool, Tarad เป็นต้น
-Data/Knowledge: แหล่งข้อมูลความรู้ เช่น Wikipedia, Answers, Zickr, Tag.in.th, Del.icio.us, Digg, Bittorrent, Google Earth
-Game: เกมออนไลน์ที่คุณสามารถสร้างตัวแทนในโลกเสมือนจริง ใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์ติดต่อสื่อสาร ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันกับผู้อื่น เช่น SecondLife, World WarCraft, Audition, Gamegum, Ragnarok, Pangya เป็นต้น



TELL (Teaching English Language Learners) คือ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ให้แก่ผู้เรียนภาษาอังกฤษ โดยการศึกษามีความเชี่ยวชาญและความรู้สองภาษา แล้ว ตรวจสอบกลยุทธ์การสอนที่ดีที่สุดสนับสนุนการพัฒนาความรู้ของนักเรียนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง คุณจะได้เรียนรู้วิธีการสร้างเกี่ยวกับภาษาของนักเรียนและประสบการณ์ของพื้นหลังและวิธีการสร้างสภาพแวดล้อมของห้องเรียนที่ส่งเสริมการเรียนรู้การรู้หนังสือที่มีความหมาย
ที่มา :  http://www.learner.org/workshops/teachreading35/session6/index.html


WBI  ย่อมาจาก Web-based Instruction
       WBI หมายถึง การเรียนการสอนผ่านเว็บเป็นการใช้เว็บในการเรียนการสอนโดยอาจใช้เว็บเพื่อนำเสนอบทเรียนในลักษณะสื่อหลายมิติของวิชาทั้งหมดตามหลักสูตร หรือใช้เพียงการเสนอข้อมูลบางอย่างเพื่อประกอบการสอนก็ได้ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะต่างๆ ของการสื่อสารที่มีอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต เช่น การเขียนโต้ตอบกันทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์และการพูดคุยสดด้วยข้อความและเสียงมาใช้ประกอบด้วยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ
ที่มา http://student.nu.ac.th/supaporn/wbi.htm
CBI (Computer Based Instruction) หมายถึง การประยุกต์นำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียนการสอน โดยมีการพัฒนาบทเรียน (Courseware) ขึ้นเพื่อเสนอเนื้อหาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในรูปแบบสื่อประสมคือ ข้อความภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว และเสียง การเสนอเนื้อหาดังกล่าวเป็นการเสนอโดยตรงไปยังผู้เรียนผ่านทางจอภาพหรือแป้นพิมพ์ บทเรียนจะถูกจัดเก็บไว้ในแผ่นดิสก์หรือหน่วยความจำของเครื่องพร้อมที่จะเรียกใช้ได้ตลอดเวลา ผู้เรียนจะต้องโต้ตอบหรือตอบคำถามเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยการพิมพ์ การตอบคำถามจะถูกประเมินโดยคอมพิวเตอร์และจะเสนอแนะขั้นตอนหรือระดับในการเรียนขั้นต่อ ๆ ไป กระบวนการเหล่านี้เป็นปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์
ที่มา http://www.edu.nu.ac.th/supanees/lesson/366515/unit5_p04.html
Computer Mediated Communication (CMC) หรือการสื่อสารโต้ตอบปฎิสัมพันธ์ระหว่างคนกับเทคโนโลยี หรือการสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ ซี่งวิกิพีเดียให้ความหมายว่า เป็นการสื่อสารระหว่างบุคคล โดยผ่านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองตัวขึ้นไป ผ่าน network หรือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเริ่มจากการติดต่อในลักษณะของตัวอักษรเป็นหลักในรูปแบบต่างๆ เช่น Instant Messages, E-mail, Chatroom
ที่มา :  http://somzom.wordpress.com/2010/02/25/computer-mediated-communication-cmc-2/

  
MUD ย่อมาจาก Multiple User Dialogue
MUD คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้สามารถเข้าสู่และสำรวจ ผู้ใช้แต่ละคนจะใช้เวลาการควบคุมของบุคคลคอมพิวเตอร์ ประจำ ชาติ ตัวละคร คุณสามารถเดินไปรอบ ๆ แชทกับตัวละครอื่น ๆ สำรวจพื้นที่มอนสเตอร์ที่รบกวนอันตรายแก้ปริศนาและแม้แต่สร้างห้องของตัวเองมาก คำอธิบายและรายการ คุณยังสามารถได้รับการสูญหายหรือเกิดความสับสนถ้าคุณกระโดดสิทธิ์ในเพื่อให้แน่ใจว่าจะอ่านเอกสารฉบับนี้ก่อนที่จะเริ่ม
ที่มา :    http://www.sdmud.com/about/muds/

MOO ย่อมาจาก MUD Object Oriented
MOO หมายถึง ระบบของการสื่อสารที่เป็น แบบซิงโครนัสที่ผู้ใช้(users) สามารถปฎิสัมพันธ์กันได้ด้วยการพิมพ์ข้อความ(text)โดยผู้สื่อสารกันนั้นสามารถ เลือกห้องหรือสถานที่สนทนากันได้ ซึ่งผู้สนทนาจะต้องอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า room เดียวกัน



 

Computer Application in English Language Teaching Copyright © 2012 Design by Antonia Sundrani Vinte e poucos